ในโลกธุรกิจยุคใหม่ ความยั่งยืนไม่ใช่เพียงแค่แนวทางประกอบกิจการ แต่เป็นหัวใจหลักของการเติบโตระยะยาว คอลัมน์ Sustainable Together สัปดาห์นี้ ขอนำท่านผู้อ่านได้รับทราบแผนการขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน ของบริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ ประเทศไทย เป็นหนึ่งในตัวอย่างขององค์กรที่นำหลักความยั่งยืนมาผสานเข้ากับกลยุทธ์ธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง
ย้อนกลับไปในปี 2555 การแยกทางระหว่าง “เป๊ปซี่โค” กับพันธมิตรไทยอย่าง “เสริมสุข” ปิดฉากความร่วมมือที่ยาวนานกว่า 50 ปี แต่กลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญในวงการเครื่องดื่มไทย เมื่อปี 2560 เป๊ปซี่โค จับมือกับ ซันโทรี่ (Suntory Group) จากญี่ปุ่น
ก่อกำเนิดเป็นองค์กรที่รวมเอาจุดแข็งระดับโลกด้านแบรนด์และระบบซัพพลายเชนของเป๊ปซี่โค เข้ากับความเชี่ยวชาญในวัฒนธรรมองค์กรแบบญี่ปุ่นของ ซันโทรี่ ได้อย่างลงตัว
การเติบโตบนรากฐานของความยั่งยืนในช่วงเวลาเพียง 7 ปี บริษัทสามารถเติบโตได้เฉลี่ย 8.2% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าภาพรวมตลาดเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ในประเทศถึงสองเท่า ความสำเร็จนี้มีรากฐานมาจากกลยุทธ์ “Growing for Good” ที่เน้นการเติบโตควบคู่กับความรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และพนักงานหนึ่งในกลยุทธ์หลัก คือแผน “Must Win” ซึ่งประกอบด้วย
–Strengthen Core โดยส่งผลิตภัณฑ์รสชาติใหม่ออกสู่ตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มน้ำตาลน้อยและไม่มีน้ำตาล ส่งผลให้เครื่องดื่มเป๊ปซี่ไม่มีน้ำตาลเติบโตเฉลี่ยสูงถึง 16.1%
–Portfolio Transformation นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ใส่ใจทั้งสุขภาพและความอร่อย เพลิดเพลินไปกับรสชาติใหม่ๆที่ลงตัวของชาอู่หลงพร้อมดื่มทีพลัส และกาแฟพร้อมดื่มบอส คอฟฟี่รวมทั้งสร้างประสบการณ์ที่แตกต่าง ด้วยเครื่องดื่มให้พลังงานแนวใหม่อย่างสติงค์
–Win with Customers ขยายฐานคู่ค้าทั่วประเทศ พร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับแต่ละช่องทางการจำหน่าย เน้นการใช้เทคโนโลยี AI เสริมศักยภาพการขาย สร้างการเติบโตอย่างรวดเร็ว
–Insulated Long Term ลงทุนในแนวทางความยั่งยืน ทั้งด้านพลังงาน น้ำ และวัสดุบรรจุภัณฑ์ โดยมีปริมาณเครื่องดื่มที่ผลิตได้เฉลี่ย 1,300 ล้านลิตรต่อปี ควบคู่ไปกับการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถใช้น้ำเพียง 1.40 ลิตร จากทุกขั้นตอนของกระบวน
การดำเนินการของ ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย จะยึดหลัก Yatte Minahare ปรัชญาแห่งความกล้า “ลองทำดูสิ” คือวลีปลุกใจจาก “ชินจิโร โทริอิ” ผู้ก่อตั้งซันโทรี่ ซึ่งกลายมาเป็นปรัชญาหลักทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย แนวคิดนี้ถูกถ่ายทอดไปยังทุกระดับในองค์กร เพื่อส่งเสริมการกล้าคิด กล้าลอง และกล้าลงมือทำอย่างจริงจัง
เป็นการสร้างวัฒนธรรมที่เปิดรับความคิดใหม่และสนับสนุนให้พนักงานทุกคนลงมือทำ รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆอย่างต่อเนื่องด้วยความกล้าที่จะทดลองก่อนใคร การพัฒนาผู้นำรุ่นใหม่ผ่านโปรแกรมอบรมที่เน้นจิตวิญญาณของความกล้าและความคิดสร้างสรรค์ รวมถึงขับเคลื่อนโครงการ Mizuiku ด้วยแนวคิดริเริ่มเพื่อสิ่งแวดล้อม
“Mizuiku” หรือการเรียนรู้เรื่องน้ำ เป็นโครงการที่ถูกนำมาปรับใช้ในประเทศไทยโดยมีเป้าหมายเพื่อปลูกฝังให้เยาวชนไทยเข้าใจคุณค่าของน้ำ เรียนรู้การอนุรักษ์ และอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างยั่งยืน ผ่านกิจกรรมภาคสนาม เช่น การสำรวจแหล่งน้ำ การทดลองวิทยาศาสตร์ และการประดิษฐ์อุปกรณ์ใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า
ซึ่งในด้านสิ่งแวดล้อม บริษัทมีเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 50% ภายในปี 2030 และมุ่งสู่การใช้ขวด rPET 50% เพื่อส่งเสริมการรีไซเคิลแบบ “Bottle-to-Bottle” ในเครื่องดื่มทั้งหมด รวมถึงการใช้น้ำจากการผลิตเครื่องดื่ม ตั้งเป้าบรรลุเป้าหมายการใช้น้ำ 1.38 ลิตร/ลิตร
“ทานุจ ชาดา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ ประเทศไทย กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า ไม่ได้ต้องการเป็นแค่บริษัทที่เติบโตเร็วที่สุด แต่ต้องการเป็นบริษัทที่ผู้บริโภครักมากที่สุดในประเทศไทย
ด้วยแนวทางที่ชัดเจนเช่นนี้ ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย จึงพร้อมเดินหน้าอย่างมั่นคง ด้วยการผสานแบรนด์ นวัตกรรม เทคโนโลยี และความยั่งยืนเข้าไว้ในกลยุทธ์การดำเนินงานอย่างเป็นระบบ.
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” เพิ่มเติม