นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปตท. กำลังปรับเป้าหมาย Carbon Neutrality 2040 และ Net Zero 2050 ใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลง ทั้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ เศรษฐกิจ และกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม เช่น ภาษีคาร์บอน ซึ่งอาจมีผลต่อต้นทุนและระยะเวลาการดำเนินการ
สำหรับแนวทางลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ปตท. วางแผน ปลูกป่า 2 ล้านไร่ ควบคู่กับการพัฒนาเทคโนโลยีดักจับและกักเก็บคาร์บอน (CCS) โดยให้ ปตท.สผ. ศึกษาแหล่งกักเก็บคาร์บอนในแหล่งก๊าซธรรมชาติอาทิตย์ ปริมาณ 1 ล้านตัน นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับ ไฮโดรเจน ซึ่งรัฐบาลตั้งเป้าให้มีการผสมไฮโดรเจน 5% ในเชื้อเพลิงภายในปี 2030 เบื้องต้นอาจต้องนำเข้าจากตะวันออกกลางหรืออินเดีย เนื่องจากมีต้นทุนต่ำกว่า และจะเน้นไปที่อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่มีความต้องการใช้พลังงานระดับแสนตันขึ้นไป
ขณะเดียวกันกำลังเจรจากับพันธมิตรธุรกิจ ไทยออยล์, IRPC และ PTTGC เพื่อร่วมทุนในธุรกิจพลังงานและเคมีภัณฑ์ที่ ปตท. มีความเชี่ยวชาญ โดยยังคงถือหุ้นใหญ่ในธุรกิจที่ร่วมลงทุน เพื่อเสริมความแข็งแกร่งและขยายศักยภาพการแข่งขัน ด้านเทคโนโลยีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก (SMR) บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC กำลังอยู่ระหว่างศึกษาแนวทางการพัฒนา เพื่อรองรับอนาคตของพลังงานสะอาด
“ในปีนี้ ปตท.มุ่งเน้นสร้างเสถียรภาพทางธุรกิจ ลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดโลก และเพิ่มความคุ้มค่าในการลงทุน เน้นขยายธุรกิจพลังงานสะอาด เพื่อดึงดูดนักลงทุน และผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในระยะยาว”